ประกันสุขภาพคุ้มครองโรคอะไรบ้าง?

ประกันสุขภาพคุ้มครองโรคอะไรบ้าง?
Photo by Towfiqu barbhuiya / Unsplash

ประกันสุขภาพเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยหรือการรักษาพยาบาล โดยครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการรักษาโรคหรืออาการบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสงสัยว่าประกันสุขภาพคุ้มครองโรคอะไรบ้าง และมีข้อยกเว้นอะไรที่ควรรู้ บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยและให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคและเงื่อนไขที่ประกันสุขภาพมักคุ้มครอง

โรคที่ประกันสุขภาพมักคุ้มครอง

ประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะคุ้มครองโรคและอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น หลังจากทำประกัน และไม่ใช่โรคที่เกิดก่อนทำประกัน (Pre-existing Conditions) โรคที่ประกันสุขภาพมักคุ้มครอง ได้แก่

  1. โรคทั่วไป
    • ไข้หวัดใหญ่
    • โรคติดเชื้อต่างๆ เช่น ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ
    • โรคทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดบวม
  2. โรคเรื้อรัง
    • เบาหวาน
    • ความดันโลหิตสูง
    • โรคหัวใจและหลอดเลือด
  3. โรคที่ต้องรักษาโดยการผ่าตัด
    • ไส้ติ่งอักเสบ
    • นิ่วในถุงน้ำดี
    • เนื้องอกหรือซีสต์ที่ไม่ใช่มะเร็ง
  4. โรคมะเร็ง
    • ประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะคุ้มครองการรักษามะเร็ง ทั้งการผ่าตัด เคมีบำบัด และรังสีรักษา
    • แต่บางแผนอาจมีข้อยกเว้นสำหรับมะเร็งบางชนิดหรือระยะของโรค
policeman leaning on sports car's window
Photo by Matt C / Unsplash
  1. โรคที่เกิดจากอุบัติเหตุ
    • การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
    • การหกล้มหรือกระดูกหัก
    • แผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก
  2. โรคที่ต้องรักษาในโรงพยาบาล
    • การนอนโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคหรืออาการบาดเจ็บ
    • การรักษาในห้องฉุกเฉินหรือห้อง ICU
  3. โรคที่ต้องรักษาด้วยการแพทย์เฉพาะทาง
    • การรักษาทางทันตกรรม (ในบางแผนประกัน)
    • การรักษาด้วยกายภาพบำบัด
    • การรักษาด้วยการแพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็ม

โรคที่ประกันสุขภาพมักไม่คุ้มครอง

แม้ว่าประกันสุขภาพจะให้ความคุ้มครองที่กว้างขวาง แต่ก็มีโรคและเงื่อนไขบางอย่างที่มักไม่ได้รับการคุ้มครอง ได้แก่

  1. โรคที่เกิดก่อนทำประกัน (Pre-existing Conditions)
    • โรคหรืออาการบาดเจ็บที่มีอยู่ก่อนทำประกัน มักไม่ได้รับการคุ้มครอง
    • เช่น หากคุณเป็นเบาหวานก่อนทำประกัน การรักษาเบาหวานจะไม่ได้รับการคุ้มครอง
  2. โรคที่เกิดจากการตั้งครรภ์และคลอดบุตร
    • การรักษาที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์และคลอดบุตรมักไม่รวมอยู่ในประกันสุขภาพพื้นฐาน
    • แต่บางแผนประกันอาจมีข้อเสนอเพิ่มเติมสำหรับการคุ้มครองนี้
  3. โรคที่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยง
    • โรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้สารเสพติด
    • การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาเสี่ยงอันตราย
  4. โรคทางจิตเวช
    • โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือโรคทางจิตเวชอื่นๆ มักไม่ได้รับการคุ้มครอง
    • แต่บางแผนประกันอาจมีข้อเสนอเพิ่มเติมสำหรับการรักษาทางจิตเวช
  5. โรคที่เกิดจากสงครามหรือการก่อการร้าย
    • การบาดเจ็บหรือโรคที่เกิดจากสงคราม การก่อการร้าย หรือการจลาจล มักไม่ได้รับการคุ้มครอง
  6. โรคที่เกิดจากการทำศัลยกรรมความงาม
    • การผ่าตัดเพื่อความงาม เช่น การทำตาสองชั้น การเสริมจมูก มักไม่ได้รับการคุ้มครอง
    • แต่หากเป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติทางร่างกาย เช่น แผลเป็นจากอุบัติเหตุ อาจได้รับการคุ้มครอง

เคล็ดลับในการเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสม

  1. ศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง
    • ตรวจสอบว่าแผนประกันที่คุณสนใจคุ้มครองโรคอะไรบ้าง และมีข้อยกเว้นอะไร
  2. พิจารณาโรคที่คุณมีความเสี่ยง
    • หากคุณมีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจ ควรเลือกแผนประกันที่คุ้มครองโรคเหล่านี้
  3. ตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกัน
    • ทำความเข้าใจเงื่อนไขและข้อยกเว้นของกรมธรรม์ให้ดี เพื่อป้องกันปัญหาการเรียกร้องค่าสินไหมในอนาคต
  4. เปรียบเทียบแผนประกันจากหลายบริษัท
    • ศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบแผนประกันจากหลายบริษัท เพื่อเลือกแผนที่คุ้มค่าและเหมาะสมที่สุด
  5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
    • หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือตัวแทนประกันภัยเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม

สรุป

ประกันสุขภาพให้ความคุ้มครองที่กว้างขวางสำหรับโรคและอาการบาดเจ็บต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากทำประกัน อย่างไรก็ตาม มีโรคและเงื่อนไขบางอย่างที่มักไม่ได้รับการคุ้มครอง เช่น โรคที่เกิดก่อนทำประกัน โรคที่เกิดจากการตั้งครรภ์ และโรคที่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยง ดังนั้น การศึกษารายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขของกรมธรรม์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด

การเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณมีสุขภาพกายและสุขภาพการเงินที่แข็งแรง พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนในชีวิตได้อย่างมั่นใจ!