"มะเร็ง" รู้เร็ว รักษาได้

"มะเร็ง" รู้เร็ว รักษาได้
Photo by Angiola Harry / Unsplash
"โรคมะเร็ง" เป็นโรคร้ายที่คนทั่วโลกต่างหวาดกลัว ตามรายงานแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ (พ.ศ. 2561-2565) ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในสถานการณ์โรคมะเร็งโลก ระบุว่า "โรคมะเร็งถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก  โรคมะเร็งจึงถือเป็นปัญหาสาธารณสุขของทุกประเทศ"

สถิติโรคมะเร็งในไทย

โรคมะเร็ง จัดเป็นสาเหตุลำดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตของคนไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลล่าสุดของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่า ปัจจุบันคนไทยมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ถึงวันละ 336 คน หรือ 122,757 คนต่อปีและเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเฉลี่ยวันละ 221 คน หรือ 80,665 คนต่อปี โดยองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็งรายงานว่า ประเทศไทยจะพบผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเพศหญิง 151 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน และพบในเพศชาย 169.3 คน ต่อประชากรหนึ่งแสนคน

มะเร็งคืออะไร?

มะเร็ง เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ที่อาจมีการเจริญเติบโตที่ปิดปกติ เกิดเป็นก้อนเนื้อที่มีการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง และยังสามารถกระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ผ่านทางกระแสเลือด หรือระบบทางเดินน้ำเหลือง โดยโรคมะเร็งนี้มีหลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิดโรคและชนิดของเซลล์มะเร็ง

มะเร็งสามารถแบ่งออกได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

  1. Carcinoma: มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากผิวหนัง หรือเนื้อเยื่อบุอวัยวะ
  2. Sarcoma: มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากกระดูก กระดูกอ่อน ไขมัน กล้ามเนื้อและเส้นเลือด
  3. Leukemia: มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก ทำให้เม็ดเลือดเกิดความผิดปกติ
  4. Lymphoma and myeloma:  มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน
  5. Central nervous system:  มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากระบบสมองและไขสันหลัง

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง

ในทางการแพทย์ โดยทั่วไปแล้วไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในแต่ละบุคคลนั้นเกิดจากสาเหตุเพียงสาเหตุเดียว โดยในปัจจุบันพบว่ามีหลายปัจจัยเสี่ยงที่เป็นกระตุ้น หรือเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งที่มากขึ้น

  1. อายุ: อายุที่เพิ่มมากขึ้นมีโอกาสเกิดมะเร็งได้มากขึ้น
  2. บุหรี่: มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปอด, มะเร็งกล่องเสียง, มะเร็งช่องปากและลำคอ, มะเร็งหลอดอาหาร, มะเร็งกะเพาะปัสสาวะ, มะเร็งไต, มะเร็งกระเพาะอาหาร, มะเร็งตับอ่อนและมะเร็งปากมดลูก
  3. แสงแดด หรือรังสีอัลตราไวโอเล็ต (UV: มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งผิวหนัง
  4. รังสีในธรรมชาติ เช่น รังสี X-ray, รังสีนิวเคลียร์, แก๊สเรดอน (หากได้รับในปริมาณที่มากเกินกำหนด): มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งลิวคีเมีย, มะเร็งไทรอยด์, มะเร็งเต้านม, มะเร็งปอดและมะเร็งกระเพาะอาหาร
  5. สารเคมีต่าง ๆ เช่น แร่ใยหิน (Asbestos), เบนซีน (Benzene), เบนซิดีน (Benzidine), แคดเมียม (Cadmium), นิกเกิล (Nickel), ไวนิลคลอไรด์ (Vinyl chloride)
  6. ไวรัส หรือแบคทีเรียบางชนิด เช่น HPV, ไวรัสตับอักเสบบี/ ซี, HIV
  7. การได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจน: มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเต้านม
  8. คนในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็ง: เนื่องจากมะเร็งบางชนิดมีความสัมพันธ์กับความผิดปกติยีนส์ แต่มะเร็งที่ถ่ายทอดกันผ่านครอบครัวนั้น มีโอกาสพบได้น้อย
  9. แอลกอฮอล์: มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งช่องปากและลำคอ, มะเร็งทางเดินอาหาร, มะเร็งกล่องเสียง, มะเร็งตับและมะเร็งเต้านม
  10. ไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันบางอย่าง เช่น การชอบรับประทานอาหารไขมันสูง ที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งลำไส้, มะเร็งโพรงมดลูกและมะเร็งต่อมลูกหมาก ความอ้วนหรือการไม่ออกกำลังกาย ที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งหลอดอาหาร, มะเร็งไตและมะเร็งโพรงมดลูก

แต่การที่เรามีปัจจัยเสี่ยงก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นโรคมะเร็งแน่นอนเสมอไป ในขณะเดียวกันคนที่ไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยงอะไรเลย ก็สามารถเป็นโรคมะเร็งได้เช่นกัน โรคมะเร็งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ หรืออาการบาดเจ็บ และโรคมะเร็งนี้ก็ไม่ใช่โรคติดต่อ จึงไม่สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้

อาการเบื้องต้นที่อาจเป็นอาการแสดงของโรคมะเร็ง

  1. การตรวจพบการหนาตัวหรือก้อนเนื้อที่ผิวหนัง, เต้านม หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
  2. ไฝที่เกดิขึ้นใหม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของไฝเดิม เช่น ขยายขนาดโตขึ้น, คัน, แตก, เป็นแผล หรือมีเลือดออก
  3. เสียงแหบ หรืออาการไอเรื้อรัง
  4. การเจ็บปวดบริเวณร่างกาย ณ จุดเดิม ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน
  5. ความเปลี่ยนแปลงในการรับประทานอาหาร เช่น กลืนลำบาก, กลืนแล้วเจ็บ, อิ่มเร็ว หรือคลื่นไส้อาเจียน
  6. ความเปลี่ยนแปลงในการขับถ่ายปัสสาวะ หรืออุจจาระ เช่น ปัสสาวะลำบาก ติดขัด, ปัสสาวะปนเลือด, ถ่ายอุจจาระก้อนเล็กลง, อุจจาระปนเลือด หรืออาการปวดหน่วงที่ทวารหนักเวลาขับถ่าย
  7. น้ำหนักตัวที่ลดลงมาก อย่างไม่มีสาเหตุ
  8. สารคัดหลั่งผิดปกติ หรือมีเลือดออก เช่น ตกขาวผิดปกติ, ตกขาวปนเลือด, เลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ หลังจากการมีเพศสัมพันธ์

อย่างไรก็ตาม อาการที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนั้น อาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากการเป็นโรคมะเร็งเสมอไป ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการตรวจและวินิจฉัยให้ชัดเจน โดยทั่วไปแล้วในระยะแรกของโรคมะเร็งนั้น มักไม่แสดงอาการเจ็บป่วยอย่างชัดเจน หากมีอาการข้างต้นที่กล่าวมานั้น จึงควรไปพบแพทย์แต่เนิ่น ๆ เพื่อที่จะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที