3 โรคมะเร็งที่พบเจอบ่อยในผู้ชาย
ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร ที่ล้วนแต่เป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งมากขึ้น ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นการนิยมรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด ของมัน ของทอด รวมไปถึงอาหารแช่แข็งพร้อมทานต่าง ๆ นั้น ที่ถือจุดกำเนิดหรือเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งขึ้นได้ แล้วโรคมะเร็งยอดฮิตที่พบได้บ่อนในผู้ชายมีอะไรบ้างนะ แต่ละประเภทมีอาการเป็นอย่างไร จะมีวิธีการป้องกันและรักษามะเร็งเหล่านี้หรือไม่ ไปอ่านกันได้เลย!
1. มะเร็งตับ
“โรคมะเร็งตับ” คือหนึ่งในมะเร็งยอดฮิตที่พบได้บ่อยในคนไทยและพบมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในชายไทย ซึ่งมะเร็งชนิดนี้มีความรุนแรง มีการเจริญเติบโตของโรคที่รวดเร็ว และที่สำคัญคือรักษายาก
มะเร็งตับเกิดได้จากสาเหตุใดบ้าง?
- เชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี: ผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับมากกว่าคนปกติ
- ตับแข็ง: ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งตับมักจะมีอาการตับแข็งร่วมด้วย
- สารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxins): สารนี้ก่อให้เกิดเชื้อรา มักอยู่ในอาหารประเภทถั่วลิสงแห้ง พริกแห้ง เต้าหู้ยี้ ฯลฯ ซึ่งหากร่างกายได้รับสารดังกล่าวมากเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดการตกค้างได้
- สารไนโตรซามีน (Nitrosamines): พบได้ในสารกันบูด, อาหารที่ใส่ดินประสิว หรือพบได้ในผักที่มีสารตกค้าง ซึ่งหากร่างกายได้รับมากเกินไปก็เป็นอันตรายได้เช่นกัน
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, สูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือบริโภคในปริมาณที่เยอะจนเกินไป
- ผู้ที่เป็นเบาหวาน, โรคอ้วน, ไขมันในเลือดสูงและไขมันพอกตับ มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะนำไปสู่โรคมะเร็งตับ
อาการของโรคมะเร็งตับ
โรคมะเร็งตับในระยะเริ่มต้น ร่างกายมักจะแสดงอาการไม่ค่อยชัดเจนนัก การสังเกตอาการหรือสัญญาณเตือนของโรคจึงอาจทำได้ยาก โดยอาการส่วนใหญ่ที่มักพบ ได้แก่ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีไข้ต่ำ เจ็บชายโครงขวา ซึ่งอาการที่แสดงออกมาจะมีความรุนแรงมากหรือน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับระยะของโรคด้วย และอาจมีอาการมากขึ้นตามการเปลี่ยนท่าทาง หายใจ ไอ หรือคลำเจอก้อนเนื้อได้ที่ชายโครงด้านขวา ในช่วงท้ายอาจมีไข้เรื้อรัง ตาเหลือง ตัวเหลือง หรือบางรายมีอาการบ่งชี้ว่าเป็นตับแข็ง เช่น ขาบวม ท้องบวมและเส้นเลือดโป่งพอง
การรักษามะเร็งตับ
การรักษามะเร็งตับนั้นมีหลายวิธี มีทั้งการผ่าตัดและการฉีดยาเข้าก้อนมะเร็งโดยตรง ในมะเร็งระยะเริ่มแรก มักใช้วิธีการฉีดยาเคมี หรือสารอุดตันเข้าเส้นเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ซึ่งการใช้ยาเคมีส่วนใหญ่รักษาเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น
ดังนั้นผู้ที่เริ่มเบื่ออาหาร น้ำหนักลด และมีอาการตามข้างต้นที่กล่าวมา รวมถึงเป็นตับแข็ง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยด่วน แต่ทางที่ดีควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี พร้อมทั้งตรวจคัดกรองมะเร็งตับ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งตับ รับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เลิกสูบบุหรี่ เลิกดื่มสุรา ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอจะดีที่สุด
2.มะเร็งปอด
“มะเร็งปอด” เป็นอีกหนึ่งมะเร็งยอดฮิตที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตลำต้น ๆ ของคนไทย ทั้งในเพศชายและเพศหญิง อีกทั้งยังเป็นมะเร็งที่พบได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของผู้ชาย รองจากมะเร็งตับ เนื่องจากมักตรวจไม่ค่อยพบในระยะแรก ๆ
มะเร็งปอด เกิดได้จากสาเหตุใดบ้าง?
- การสูบบุหรี่: โดยผู้ที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอดมากกว่าคนที่ไม่สูบเฉลี่ยแล้ว 16 เท่า เนื่องจากสารในบุหรี่สามารถทำลายเซลล์ปอด ซึ่งทำให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ โดยความเสี่ยงนี้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก หากผู้ที่สูบบุหรี่สูบในปริมาณมากและติดต่อกันเป็นเวลานาน ในขณะเดียวกันผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจําก็มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนปกติด้วยเช่นกัน
- พันธุกรรม
- การสัมผัสสารก่อมะเร็ง: การได้รับสารพิษและมลภาวะแวดล้อม จากการทำงานในอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น แร่ใยหิน ที่ถูกใช้ในวงการอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และฉนวนกันความร้อน, รังสีเรดอนที่ปนเปื้อนในดินน้ำและสิ่งแวดล้อม, สารหนู, นิกเกิล โครเมียมและสารโลหะอื่นๆ
- อายุ: เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
- การใช้ยาเสพติดบางประเภท เช่น กัญชาและโคเคน หรือภาวะขาดวิตามินเอ
อาการของโรคมะเร็งปอด
ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดในระยะแรก ๆ มักจะไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ และมักจะแสดงอาการก็ต่อเมื่อก้อนมะเร็งขยายโตขึ้น จนไปกดหลอดลมหรือลุกลามไปสู่อวัยวะอื่น ๆ ซึ่งมีลักษณะอาการดังนี้ คือ ไอมีเลือดออก, เจ็บหน้าอก, หอบเหนื่อย, หน้าบวม, แขนบวม, น้ำหนักลดและเบื่ออาหาร ซึ่งการตรวจวินิจฉัยทำได้โดยการซักประวัติ, ตรวจร่างกาย, เอกซเรย์ปอด, ตรวจชิ้นเนื้อจากปอดและการตรวจเสมหะ
การรักษามะเร็งปอด
การรักษามะเร็งปอดนั้น มีทั้งการผ่าตัด ที่มักจะทำในกรณีที่ขนาดก้อนเนื้อไม่ใหญ่มาก การฉายแสงร่วมกับการให้เคมีบำบัด เพื่อยับยั้ง ชะลอการลุกลามและการประคับประคองอาการ เนื่องจากมะเร็งปอดเป็นโรคที่เมื่อเป็นแล้ว โอกาสในการรักษาให้หายขาดนั้นค่อนข้างน้อย การป้องกันที่ดีที่สุดคือไม่สูบบุหรี่ หรือหากสูบบุหรี่อยู่ก็ควรลด ละ เลิก ให้เร็วที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงลงได้มากเลยทีเดียว
3.มะเร็งลำไส้ใหญ่
“มะเร็งลำไส้ใหญ่” ถือเป็นมะเร็งอีกชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุแห่งการเสียชีวิตในลำดับต้น ๆ ของผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมดในประเทศไทย โดยในเพศชายพบมากที่สุดเป็นลำดับ 3 รองจากมะเร็งตับและมะเร็งปอด ซึ่งส่วนมากมักพบในวัยกลางคนอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
มะเร็งลำไส้ใหญ่ เกิดได้จากสาเหตุใดบ้าง?
สาเหตุปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่พบว่าอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่
- สิ่งแวดล้อม
- อาหารการกิน: หากบริโภคอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงจนเป็นโรคอ้วน จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้มากกว่าคนปกติถึง 1.2 เท่า
- พันธุกรรม: หากบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่า 2 คนขึ้นไปก็มีโอกาสเสี่ยงด้วยเช่นกัน
อาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะแรก ๆ อาจจะไม่มีอาการใด ๆ หรืออาจมีอาการปวดท้อง แน่นท้อง คล้ายโรคกระเพาะ เมื่อเป็นมากขึ้นอาจมีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย ลักษณะการขับถ่ายอาจเปลี่ยนไปอันเนื่องมาจากลำไส้อุดตัน เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดหรือมูกปนเลือด มีเลือดออกในอุจจาระเป็นเวลานาน ทำให้มีภาวะซีดได้ อุจจาระมีสีคล้ำคล้ายสีของเลือดหมู อุจจาระเหลวกับอุจจาระแข็งสลับกัน บางครั้งเหมือนถ่ายไม่หมด เป็นต้น
ทั้งนี้การวินิจฉัยต้องอาศัยการตรวจเลือดในอุจจาระและการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ ซึ่งหากพบว่ามีก้อนเนื้องอก แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้องอกนั้นมาวินิจฉัยว่าเป็นก้อนมะเร็งหรือไม่ หากพบว่าเป็นมะเร็งจริง ก็จะต้องตรวจอีกว่าอาการของผู้ป่วยอยู่ในระยะใด เพื่อทำการวางแผนการรักษาดูแลที่เหมาะสมต่อไป
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ สามารถทำได้ทั้งการผ่าตัดนำส่วนที่เป็นมะเร็งออกและการให้ยาเคมีบำบัด ในปัจจุบันพบว่าการให้ยาเคมีบำบัดมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นและสามารถป้องกันการกลับมาของโรคได้ดีมากขึ้น แม้แต่ผู้ป่วยในระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะที่โรคแพร่กระจายแล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักจะคิดว่าไม่สามารถรักษาหรือทำอะไรได้แต่หากผู้ป่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง มีกำลังใจที่ดี และเข้ารับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ก็จะช่วยทุเลาความรุนแรงของโรค หรือช่วยให้มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้
ดังนั้นวิธีการป้องกันจึงควรรับประทานอาหารที่มีเส้นกากใยมาก เช่น ผัก ผลไม้ และอาหารที่มีแคลเซียมสูง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันและแคลอรี่สูง งดสูบบุหรี่ รวมถึงหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี โดยตรวจคัดกรองโรคกรณีที่มีปัจจัยเสี่ยง หรือมีอาการสงสัยว่าอาจจะเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ขึ้นชื่อว่าโรคมะเร็ง ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากเป็นทั้งนั้น เพราะกว่าที่เราจะรู้ตัวว่าเป็นโรคเหล่านี้หรือมีการแสดงอาการ ผู้ป่วยบางคนก็สุขภาพแย่ลงไปแล้ว แต่จะดีกว่าไหมถ้ารู้จักเตรียมตัวให้พร้อมเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี รวมถึงตรวจคัดกรองมะเร็งอย่างละเอียด เพื่อให้เราสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพได้อย่างถูกต้อง และหากตรวจพบได้เร็ว ก็จะยิ่งรักษาได้ทันท่วงทีในขณะที่โรคยังไม่ลุกลาม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อที่คุณจะได้มีชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักไปได้ตราบนานเท่านาน